การตรวจสุขภาพทางเพศในออสเตรเลีย

This post is also available in: English (อังกฤษ) 简体中文 (จีนประยุกต์) 한국어 (เกาหลี)

คนทำงานบริการในออสเตรเลียยังคงมีอัตราการติดเชื้อ HIV และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ในระดับที่ต่ำมาก เนื่องจากการรับมือต่อสถานการณ์อย่างรวดเร็วของคนทำงานบริการ โดยร่วมมือกับองค์กรเพื่อคนทำงานบริการในชุมชน ภาครัฐ และหน่วยงานอื่นๆ วิธีหลักวิธีหนึ่งที่พบว่าได้ผลในการรับมือกับปัญหาการติดเชื้อ HIV และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ในออสเตรเลียคือการตรวจโรคภาคสมัครใจ ที่ผ่านมา การบังคับให้คนทำงานบริการเข้ารับการตรวจเชื้อ HIV และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ในออสเตรเลียเป็นอุปสรรคขัดขวางความสำเร็จในการเรียนรู้แบบเพื่อนช่วยเพื่อน และการป้องกันการติดเชื้อ HIV และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ตลอดจนการตรวจและการรักษาฟรีโดยไม่เปิดเผยตัวตน อย่างไรก็ตาม แม้จะมีหลักฐานที่ชัดเจนว่าการตรวจโรคภาคบังคับในกลุ่มคนทำงานบริการไม่ใช่ทางออก แต่ในบางรัฐในออสเตรเลีย ก็ยังบังคับให้มีการตรวจต่อไป  ส่วนนี้จะนำเสนอภาพรวมโดยสังเขปเกี่ยวกับการตรวจภาคสมัครใจและภาคบังคับ

การตรวจภาคสมัครใจ

การตรวจภาคสมัครใจให้อิสระแก่ผู้ขอรับการตรวจว่าจะตรวจสุขภาพทางเพศหรือไม่ สำหรับการตรวจภาคสมัครใจ บุคลากรทางการแพทย์จะต้องให้ผู้เข้ารับตรวจลงลายมือชื่อในแบบฟอร์มแสดงเจตนายินยอมหลังได้รับข้อมูล จึงจะดำเนินการตรวจสุขภาพทางเพศได้ โดยผู้รับการตรวจจะทราบถึงขั้นตอนและเหตุผลของการตรวจ ตลอดจนนัยยะของผลตรวจที่ได้

ประโยชน์ของการตรวจภาคสมัครใจ:

  • ในปัจจุบัน คนทำงานบริการมีอัตราการเข้ารับการตรวจสุขภาพทางเพศสูงทั้งในเขตที่มีการตรวจภาคสมัครใจและภาคบังคับ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการตรวจภาคบังคับไม่มีความจำเป็นและไม่มีประสิทธิผล
  • หัวใจสำคัญของการตรวจภาคสมัครใจคือการที่ผู้เข้ารับการตรวจต้องให้ความยินยอมโดยได้รับข้อมูลครบถ้วน ตลอดจนการให้คำปรึกษาก่อนและหลังการตรวจ ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่พิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิผลมากที่สุดในการเสริมสร้างการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเพื่อลดความเสี่ยงจากการแพร่เชื้อ ทั้งยังช่วยให้เกิดผลดีต่อผู้ที่ติดเชื้อ HIV และสังคมในวงกว้าง 
  • การตรวจภาคสมัครใจมีความคุ้มค่าเนื่องจากคนทำงานบริการไม่ต้องรับการตรวจโรคมากเกินความจำเป็น ด้วยเหตุนี้ การตรวจภาคสมัครใจจึงช่วยให้คนทำงานบริการที่จำเป็นต้องตรวจและใช้บริการสุขภาพทางเพศได้รับสิทธิ์ตรวจจากคลินิกสุขภาพทางเพศและหน่วยงานบริการทางการแพทย์อื่นๆ ก่อน
  • การตรวจภาคบังคับทำให้เกิดความเข้าใจผิดไปเรื่อยๆ ว่าคนทำงานบริการเป็น ‘พาหะนำโรค’ ที่ต้องมีการออกข้อบังคับด้านสาธารณสุขมาควบคุม การตรวจภาคสมัครใจช่วยให้คนทำงานบริการสามารถเข้าถึงสิทธิพื้นฐานเฉกเช่นบุคคลอื่นในการเลือกเวลาตรวจโรค
  • การตรวจภาคสมัครใจเป็นการสร้างบรรยากาศที่ดีและมีการปกป้องสิทธิมนุษยชนของคนทำงานบริการ เช่น สิทธิความชอบธรรมในร่างกายของตน การไม่ถูกเลือกปฏิบัติ และการเข้าถึงบริการสุขภาพที่มีคุณภาพสูง
  • ยุทธศาสตร์แห่งชาติด้านเชื้อ HIV ฉบับที่ 8 ปี 2018-2022 และ ยุทธศาสตร์แห่งชาติด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ฉบับที่ 4 ปี 2018-2022ยอมรับว่าการตรวจหาเชื้อ HIV และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ภาคสมัครใจเป็นการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพที่สุดในสร้างประโยชน์ต่อสาธารณสุข กลยุทธ์ข้างต้นมีแนวปฏิบัติในการรับมือกับการติดเชื้อ HIV และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ในประเทศออสเตรเลีย
  • UNAIDS และ WHO ให้การยอมรับว่าการตรวจภาคสมัครใจเป็นหัวใจสำคัญในการป้องกันการติดเชื้อ HIV อย่างมีประสิทธิผล โดยอ้างอิงจากผลวิจัยเชิงประจักษ์ที่มีการศึกษาอย่างกว้างขวาง

การตรวจภาคบังคับ

การตรวจภาคบังคับหมายถึงการที่กฎหมายกำหนดให้คนทำงานบริการต้องเข้ารับการตรวจโรคอยู่เป็นประจำและบ่อยครั้ง ในบางรัฐและบางเขตแดน ที่กำหนดให้เข้ารับการตรวจภาคบังคับ คนทำงานบริการต้องแสดงหลักฐานการตรวจสุขภาพทางเพศในรูปแบบของ ‘ใบรับรองสุขภาพทางเพศ’ อยู่เป็นประจำ จึงจะสามารถทำงานอย่างถูกกฎหมายได้ การตรวจภาคบังคับเป็นไปตามความเข้าใจผิดที่ว่าคนทำงานบริการทุกคนจะต้องให้บริการแบบสอดใส่ แต่ในความเป็นจริงแล้ว คนทำงานบริการมีรูปแบบการให้บริการที่หลากหลาย และการบริการแต่ละแบบก็มาพร้อมกับความเสี่ยงในการแพร่เชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และเชื้อ HIV ที่แตกต่างกันหรือในบางรายอาจไม่มีความเสี่ยงเลย นอกจากนี้ คนทำงานบริการที่ไม่ได้ให้บริการบ่อยอาจมองการตรวจภาคบังคับว่าเป็นการล่วงละเมิดและเป็นประโยชน์เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

คนทำงานบริการป้องกันตัวเองเมื่อมีเพศสัมพันธ์อยู่แล้ว และอาจเรียกได้ว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญในการจัดการกับความเสี่ยงเสียด้วยซ้ำ นอกจากนี้ หลายคนยังให้ความรู้เรื่องเพศที่เป็นประโยชน์ทั้งต่อลูกค้า เพื่อนร่วมงาน และสังคมในวงกว้าง

การตรวจภาคบังคับ:

  • ในปัจจุบัน ยังไม่มีหลักฐานด้านระบาดวิทยาในออสเตรเลียรองรับ
  • สนับสนุนความรู้สึกปลอดภัยแบบผิดๆ ในรูปแบบของ ‘ใบรับรอง’ ซึ่งถ้าพิจารณาตามระยะเวลาที่ยังตรวจไม่พบเชื้อแล้ว จะเห็นว่าไม่สามารถใช้เป็นเครื่องยืนยันสถานะสุขภาพทางเพศของบุคคล ทันทีได้จริงๆ
  • เพิ่มภาระงานให้กับผู้ให้บริการสุขภาพทางเพศมากเกินไป จนเป็นการลดการเข้าถึงของคนทำงานบริการที่มีอาการหรือ
  • เคยประสบปัญหาถุงยางอนามัยแตกและต้องใช้บริการสุขภาพทางเพศในทันที 
  • ส่งผลให้คุณภาพการบริการด้านสุขภาพทางเพศแก่คนทำงานบริการลดลง
  • ขัดแย้งกับรูปแบบการป้องกันการติดเชื้อ HIV และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ที่พิสูจน์แล้วว่าได้ผลที่สุด เช่น การตรวจภาคสมัครใจ และการควบคุมดูแลสุขภาพทางเพศของตนเองในหมู่คนทำงานบริการ
  • สร้างภาระค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นให้กับกองทุนสาธารณสุข

กฎหมายเกี่ยวกับการตรวจโรคในออสเตรเลีย

กฎหมายเกี่ยวกับการตรวจโรคสำหรับคนทำงานบริการอาจแตกต่างกันไปตามรัฐหรือเขตแดนที่คุณทำงานและอาจมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ดังนั้น เราขอแนะนำให้คุณติดต่อองค์กรเพื่อคนทำงานบริการในพื้นที่ เพื่อขอข้อมูลเกี่ยวกับข้อกำหนดทางกฎหมายว่าด้วยการตรวจโดยละเอียด

โปรดอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.scarletalliance.org.au/laws/ 

Rate this resource:

Was this article useful?

As you found this post useful...

Follow us on social media!

We are sorry that this post was not useful for you!

What can we do to make this a stronger resource for sex workers?

Tell us how we can improve this post.