This post is also available in: English (อังกฤษ) 简体中文 (จีนประยุกต์) 한국어 (เกาหลี)
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ STI และ BBV
STI คืออะไร
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STI) เป็นโรคที่เกิดจากแบคทีเรีย ไวรัส เชื้อราหรือปรสิต ติดต่อกันได้จากคนสู่คน โดยการสัมผัสผิวหนังหรือสารคัดหลั่ง เช่น น้ำหล่อลื่นจากอวัยวะเพศชายสารคัดหลั่งจากช่องคลอดและทวารหนัก น้ำนมแม่ และน้ำอสุจิ (น้ำเชื้อ) โดยปกติแล้ว สิ่งมีชีวิตที่ก่อให้เกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ จะเข้าสู่ร่างกายผ่านทางแผลตามผิวหนังหรือเนื้อเยื่อเมือกซึ่งมีพื้นผิวที่อุ่นและชื้น เช่นช่องคลอด ท่อปัสสาวะ ทวารหนัก ปากและตา เนื้อเยื่อเมือกบางกว่าผิวหนังทั่วไปมากและเปราะบางมากกว่าด้วย
มีโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์หลายประเภทที่ก่อให้เกิดปัญหาด้านสุขภาพทั้งในระยะสั้นและระยะยาว โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์บางประเภทไม่แสดงอาการ แต่สามารถก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนในระดับปานกลางถึงรุนแรงได้ ส่วนใหญ่แล้ว อาการของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์สามารถรักษาให้หายได้แต่ควรจะเป็นการรักษาอย่างต่อเนื่อง
BBV คืออะไร
โรคไวรัสที่ติดต่อทางเลือด (BBV) สามารถแพร่กระจายจากคนสู่คนผ่านทางเลือดหรือเมื่อสารคัดหลั่งที่ติดเชื้อเข้าสู่กระแสเลือด เพศสัมพันธ์ทางช่องคลอดหรือทวารหนักอาจจะทำให้เนื้อเยื่อเมือกเป็นแผลเล็ก ๆ (หรือบางครั้งเรียกว่าแผลถลอก) โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีสารหล่อลื่นไม่เพียงพอแผลฉีกขาดที่เกิดขึ้นอาจจะเล็กมากจนคุณรู้สึกไม่ได้ แต่ก็สามารถทำให้ไวรัสที่ติดต่อทางเลือดนี้ เข้าสู่ร่างกายได้ ผู้ที่ติดเชื้อไวรัสที่ติดต่อทางเลือดอาจจะแสดงอาการเพียงเล็กน้อยหรือไม่แสดงอาการเลย ส่วนบางคนก็อาจจะมีอาการรุนแรง ไวรัสที่ติดต่อทางเลือดสามารถแพร่สู่กันได้ ไม่ว่าผู้ป่วยจะมีอาการหรือไม่ก็ตาม
สารคัดหลั่งหรือสารประเภทอื่นจากร่างกาย เช่น ปัสสาวะ อุจจาระ น้ำลาย เหงื่อ น้ำตาและอาเจียนอาจจะมีเชื้อไวรัสที่ติดต่อทางเลือดเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลย เว้นแต่ว่าจะมีเลือดปนเปื้อนมาด้วย แต่ถึงอย่างไร คุณก็ควรใช้ความระมัดระวัง เนื่องจากเราอาจไม่สามารถมองเห็นเลือดที่ปนเปื้อนออกมาได้อย่างชัดเจนเสมอไป
ใครติดเชื้อ STI และ BBV ได้บ้าง
ผู้ใดก็ตามที่มีเพศสัมพันธ์มีความเสี่ยงในการแพร่เชื้อหรือติด STI หรือ BBV ได้ การป้องกันเมื่อมีเพศสัมพันธ์สามารถลดความเสี่ยงในการติดหรือแพร่เชื้อ STI หรือ BBV ได้อย่างมาก
ถึงแม้ว่าจะมีการตีตราเกี่ยวกับงานบริการและสุขภาพของคนทำงานบริการ แต่คนทำงานบริการในออสเตรเลียโดยทั่วไปมีอัตราการแพร่เชื้อ STI และ BBV ต่ำกว่าหรือเท่ากับประชากรทั่วไป เนื่องจากคนทำงานบริการเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการป้องกันตนเองจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และให้บริการแบบปลอดภัย – เพราะว่าท้ายที่สุดแล้วนี่คือส่วนหนึ่งของงานที่ทำ!
ความอับอายและการตีตราเกี่ยวกับ STI และ BBV มักจะทำให้คนไม่กล้าเข้ารับการตรวจและรักษา การตีตรามักมาจากความเชื่อผิดๆ ที่ว่าการติดเชื้อ STI หรือ BBV เกิดจากการมีเพศสัมพันธ์แบบ “ไม่ถูกต้อง”
ความจริงก็คือ STI และ BBV เป็นเพียงปัญหาทางสุขภาพเท่านั้น และไม่ได้สื่อถึงว่าคุณจะมีหรือไม่มีศีลธรรม โรคเหล่านี้เป็นเรื่องปกติธรรมดา และผู้ที่มีเพศสัมพันธ์ทุกคนก็สามารถติดโรคเหล่านี้ได้กันทั้งนั้น การตีตราเกี่ยวกับ STI และ BBV อาจเกิดจากปัจจัยภายนอก – เช่น ถูกคนรอบข้างตัดสินในทางที่ไม่ดีหรือจากปัจจัยภายใน – เมื่อเราตัดสินตัวเราในแง่ลบ
ฉันจะติดหรือแพร่เชื้อ BBV หรือ STI ได้อย่างไร
เชื้อ STI และ BBV แต่ละเชื้อมีโอกาสแพร่กระจายและส่งผลกระทบต่อสุขภาพที่แตกต่างกัน ดังนั้น คุณจำเป็นต้องทราบข้อมูลมากพอเพื่อป้องกันตัวเองได้อย่างถูกต้อง การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกันทั้งทางช่องคลอด ทวารหนักและปาก ทำให้คุณเสี่ยงที่จะติดหรือแพร่เชื้อ STI หรือ BBV มากขึ้น คนๆนึงสามารถติดโรคได้มากกว่าหนึ่งโรคพร้อมๆ กัน และการติดเชื้อ STI หรือ BBV อยู่ก่อนแล้ว ก็อาจจะทำให้ติด STI หรือ BBV ประเภทอื่นได้มากขึ้นด้วย
นอกจากนี้ คุณยังสามารถแพร่เชื้อ STI จากอวัยวะหนึ่งไปยังอีกอวัยวะหนึ่งได้ด้วย เช่น คุณอาจจะแพร่เชื้อ STI อย่างเช่น หนองในจากช่องคลอดไปยังลำคอ ผ่านองคชาตที่สัมผัสกับอวัยวะทั้งสองส่วน อย่างไรก็ตาม กรณีเช่นนี้เกิดขึ้นได้ไม่บ่อยนัก STI และ BBV หลายประเภทสามารถติดต่อกันได้ด้วยการใช้สิ่งของต่างๆ ร่วมกัน เช่น เซ็กส์ทอยหรืออุปกรณ์สวนทวาร BBV บางประเภท เช่น ไวรัสตับอักเสบซี สามารถมีชีวิตอยู่นอกร่างกายได้นาน
คนมักจะไม่ทราบว่าตนติด STI หรือ BBV อยู่แล้ว จึงอาจแพร่เชื้อไปยังคนอื่นได้โดยที่ไม่รู้ตัว
ฉันจะรู้หรือไม่ว่าฉันติด STI หรือ BBV แล้ว
ถึงแม้ว่า STI และ BBV อาจจะแสดงอาการ แต่ก็ไม่ได้แสดงอาการเสมอไป ดังนั้น คุณอาจจะไม่รู้ว่าตัวเองติดโรคแล้ว หลาย ๆ โรค ‘ไม่มีอาการ’ ซึ่งหมายความว่าอาจจะไม่ก่อให้เกิดอาการใดๆ เลย ทำให้ล่วงรู้ได้ยาก การตรวจ STI และ BBV เป็นประจำและตรวจว่าคุณมีโอกาสสัมผัสเชื้อ STI หรือ BBV หรือไม่นั้นเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ตัวคุณเองและลูกค้าปลอดภัยได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้คุณสามารถดูรายชื่อคลินิกสุขภาพทางเพศที่เป็นมิตรกับคนทำงานบริการได้ที่สถานที่ตรวจของเรา
โรค STI หรือ BBV ที่ไม่ได้รับการรักษาอาจก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพและติดเชื้อเพิ่ม ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่คุณจำเป็นต้องเข้ารับการตรวจ หากคิดว่าตนเองอาจจะติดโรคแล้ว STI และ BBV บางประเภทอาจจะไม่แสดงอาการที่เห็นได้ทันทีแต่คุณอาจจะสังเกตเห็นอาการและ/หรือภาวะแทรกซ้อนในอีกหลายเดือนหรือหลายปีต่อมา
คุณสามารถเข้าเวบไซต์ได้ที่ BBV, STI และปัญหาทางเพศสัมพันธ์ที่เกี่ยวข้องเพื่อทราบรายละเอียดถึงอาการและสิ่งที่ควรปฎิบัติเมื่อคุณมีอาการ
อาการของ STI ที่พบบ่อยมีอะไรบ้าง
เนื่องจากว่า STI หรือ BBV แต่ละประเภทอาจจะแสดงอาการไม่เหมือนกัน แต่ถ้าคุณมีอาการดังต่อไปนี้ คุณก็ควรตรวจสุขภาพทางเพศโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้:
- รู้สึกปวดหรือปวดแสบขณะปัสสาวะ
- สารคัดหลั่งมีมากขึ้น หรือมีสีหรือมวลเปลี่ยนไป
- อวัยวะเพศหรือทวารหนักมีกลิ่นที่แปลกไป
- พบก้อน แผลพุพอง แผลเปื่อยหรือผื่น
- ช่องคลอดหรือทวารหนักมีเลือดไหลผิดปกติ
- รู้สึกปวดหรือมีเลือดไหลขณะมีเพศสัมพันธ์
- รู้สึกปวดทวารหนักหรือปวดท้องน้อย
- รู้สึกปวดบริเวณถุงอัณฑะหรือลูกอัณฑะ
- รู้สึกคันหรือระคายเคืองอวัยวะเพศหรือทวารหนักอย่างต่อเนื่อง
- เป็นไข้หรือมีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่
- มีอาการท้องเสียอย่างต่อเนื่อง
อาการเหล่านี้ไม่ได้ครอบคลุมทุกอาการ คุณสามารถเข้าเวบไซต์ได้ที่ BBV, STI และปัญหาทางเพศสัมพันธ์ที่เกี่ยวข้องเพื่อทราบรายละเอียดถึงอาการและสิ่งที่ควรปฎิบัติเมื่อคุณมีอาการ
หากคุณมีอาการ คุณสามารถดูรายชื่อคลินิกสุขภาพทางเพศที่เป็นมิตรกับคนทำงานบริการได้ที่สถานที่ตรวจของเรา
STI และ BBV ที่รักษาหายแล้วสามารถกลับมาเป็นอีกได้หรือไม่คุณจะกลับมาเป็น STI และ BBV อีกหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับอาการติดเชื้อของคุณ
ในกรณีส่วนใหญ่ การติดเชื้อ STI หรือ BBV ไม่ได้ป้องกันคุณจากการติดเชื้อ STI หรือ BBV ในอนาคต ซึ่งก็หมายความว่าคุณสามารถเป็นได้มากกว่าหนึ่งครั้ง สำหรับ STI และ BBV บางประเภทหลังจากติดเชื้อแล้วเชื้อโรคก็จะอยู่ในร่างกายไปตลอดชีวิต
มี STI ไม่กี่ประเภทที่คุณสามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้หลังการติดเชื้อ แต่เป็นแค่บางกรณี ไม่ใช่กฎตายตัว
ถึงแม้ว่าจะมีการรักษาโรค STI และ BBV ที่มีประสิทธิภาพ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าการติดเชื้อ STI และ BBV ทุกประเภทจะ ‘รักษาได้’ เชื้อบางประเภท เช่น HIV ไวรัสตับอักเสบซี HPV หรือเริมจะอยู่ในร่างกาย แต่ไม่ได้แสดงอาการในทันทีหรืออาจจะไม่แสดงอาการเลยก็ได้ เชื้อเหล่านี้สามารถคุมได้ โดยไม่กระทบต่อชีวิตของคุณมากนัก แพทย์คือผู้ให้คำปรึกษาที่ดีที่สุดในกรณีเหล่านี้
สาเหตุทั่วไปที่ทำให้เกิดการติดเชื้อ BBV และ STI ซ้ำได้แก่
- ไม่รักษาจนสิ้นสุดการรักษา
- คู่นอนไม่ได้เข้ารับการรักษาและ
- มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน
ฉันสามารถฉีดวัคซีนป้องกัน BBV และ STI ได้หรือไม่
มีวัคซีนป้องกัน STI และ BBV บางประเภท แนะนำให้คนทำงานบริการฉีดวัคซีนเหล่านี้ แต่ไม่ได้บังคับให้ฉีด
คู่มือภูมิคุ้มกันโรคแห่งออสเตรเลียแนะนำให้คนทำงานบริการควรพิจารณาฉีดวัคซีนป้องกันโรค
- ไวรัสตับอักเสบเอ
- ไวรัสตับอักเสบบี และ
- HPV (ไวรัสฮิวแมนแพพพิลโลมา)
นอกจากนี้ ยังแนะนำให้คนทำงานบริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคคอตีบและบาดทะยัก (DT) โรคหัด คางทูม และหัดเยอรมัน (MMR) ให้ครบตามมาตรฐาน
คนทำงานบริการในบางรัฐและดินแดนสามารถเข้ารับการฉีดวัคซีนบางประเภทได้ฟรี ติดต่อองค์กรเพื่อคนทำงานบริการในพื้นที่หรือคลินิกสุขภาพทางเพศเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการฉีดวัคซีน
BBV และ STI อาจจะกระทบต่องานของฉันได้อย่างไร
การติดเชื้อ STI และ/หรือ BBV อาจจะกระทบต่องานของคุณ เช่น คุณอาจจะต้องพักงานและ/หรือรู้สึกเจ็บหรือไม่สบายตัวขณะให้บริการ คุณสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการติดเชื้อหรืออาการแต่ละอย่างอาจจะกระทบต่องานของคุณได้อย่างไรได้ที่โรค BBV STI และอาการที่เกี่ยวข้อง
ความกลัวว่าจะติดโรค STI และ/หรือ BBV อาจจะทำให้เกิดความวิตกกังวลในการทำงานได้ การรู้ว่าต้องมีข้อควรระวังอะไร การเข้ารับการตรวจสุขภาพทางเพศเป็นประจำและการรู้จักป้องกันตนเองก็สามารถช่วยได้ การเรียนรู้แบบเพื่อนช่วยเพื่อนในสถานที่ทำงานหรือผ่านทางองค์กรเพื่อคนทำงานบริการเป็นวิธีที่ดีในการทำให้คุณมีความรู้ที่จำเป็นประกอบการตัดสินใจเกี่ยวกับสุขภาพและความปลอดภัยของตนเองในสถานที่ทำงาน
บางรัฐและดินแดนมีกฎหมายเกี่ยวกับการทำงานบริการหรือการมีเพศสัมพันธ์ขณะที่คุณติดเชื้อ ที่แพร่ไปสู่ผู้อื่นได้ แหล่งข้อมูลเกี่ยวกับ BBV STI และกฎหมาย รวมถึงองค์กรเพื่อคนทำงานบริการในพื้นที่สามารถให้ข้อมูลเพิ่มเติมได้