This post is also available in: English (อังกฤษ) 简体中文 (จีนประยุกต์) 한국어 (เกาหลี)
ภาวะช่องคลอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย (BV) เป็นอาการอักเสบในช่องคลอดโดยเกิดจากการเจริญเติบโตที่มากเกินไปของแบคทีเรียที่อยู่ในช่องคลอดตามธรรมชาติ ซึ่งทำให้ค่า pH ตามธรรมชาติเสียสมดุล แม้จะไม่มีการมองว่าภาวะ BV เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และไม่ติดต่อกัน แต่ดูเหมือนว่าจะพบได้บ่อยในกลุ่มผู้ที่มีเพศสัมพันธ์ ภาวะ BV สามารถรักษาได้ แต่ก็สามารถกลับมาเป็นซ้ำได้อีก
ภาวะ BV เกิดจากอะไร
- สาเหตุที่แท้จริงซึ่งก่อให้เกิดภาวะ BV ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดแต่เราทราบกันว่าการสัมผัสสารที่เป็นด่าง เช่น น้ำอสุจิ สารหล่อลื่น เลือดและสบู่สามารถทำให้สภาพความเป็นกรดตามธรรมชาติภายในช่องคลอดแปรเปลี่ยนไปและทำให้แบคทีเรียเจริญจนมากเกินไป
- การสวนล้างช่องคลอดอาจเป็นอีกหนึ่งปัจจัย เนื่องจากไปทำให้แบคทีเรียที่อาศัยอยู่ในช่องคลอดตามธรรมชาติเสียสมดุล
- ภาวะ BV ยังพบได้ทั่วไปในหญิงตั้งครรภ์อันเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนขณะตั้งครรภ์เป็นตัวกระตุ้น
ภาวะ BV ไม่เหมือนกับการติดเชื้อยีสต์ (ภาวะเชื้อราในช่องคลอด) ซึ่งเป็นการติดเชื้อรา
ลักษณะผิดสังเกตและอาการ
Content warning: click to show images
แม้ว่าภาวะช่องคลอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรียอาจจะไม่แสดงอาการใด ๆ แต่หากมีอาการเกิดขึ้น โดยปกติมักจะเกิดขึ้นภายในสี่วันหลังจากที่ค่า pH ในช่องคลอดของคุณเปลี่ยนไป หากไม่ได้รับการรักษา ภาวะ BV อาจจะ
- ทำให้คุณเสี่ยงที่จะติดโรค STI และโรค BBV อื่นๆ มากขึ้น
- ทำให้เกิดภาวะอุ้งเชิงกรานอักเสบ (PID)
- กระทบต่อภาวะเจริญพันธุ์ และ
- ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงระหว่างตั้งครรภ์
ผู้ที่มีช่องคลอดราว 50-75% ที่มีภาวะ BV จะไม่แสดงอาการใด ๆ
หากคุณมีลักษณะผิดสังเกตหรืออาการ อาจมีอาการทางช่องคลอดดังต่อไปนี้:
- ตกขาวที่เหลวเป็นน้ำ สีขาวหรือสีเทา
- ตกขาวมีกลิ่น ‘คาวปลา’ รุนแรง
- รู้สึกระคายเคืองบริเวณปากช่องคลอด
- ปวดแสบขณะปัสสาวะ
การลุกลามของภาวะ BV อาจเพิ่มความเสี่ยงให้เกิด:
- ภาวะอุ้งเชิงกรานอักเสบ (รวมถึงหลังจากการผ่าตัดยุติการตั้งครรภ์ การสอด IUD หรืออุปกรณ์ทางนรีเวชอื่น ๆ)
- การติดเชื้อหนองในเทียม หนองในแท้ หรือไวรัสเริมชนิดที่ 2 (HSV2)
- การติดหรือการแพร่เชื้อ HIV
- การแท้งบุตรโดยธรรมชาติ
- การคลอดก่อนกำหนด
- ภาวะถุงน้ำคร่ำอักเสบ (การติดเชื้อที่รกและถุงน้ำคร่ำ)
- เยื่อบุโพรงมดลูกอักเสบหลังคลอด
การป้องกัน
ภาวะช่องคลอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย (BV) ส่วนใหญ่เกิดขึ้นโดยไม่มีสาเหตุที่ชัดเจน ถึงแม้ว่าการติดเชื้อ BV จะไม่มีวิธีป้องกันที่ไว้ใจได้ แต่วิธีการดังต่อไปนี้อาจช่วยทำให้ค่า pH อยู่ในระดับปกติและป้องกันมิให้แบคทีเรียเจริญมากเกินไป:
- การสวมถุงยางอนามัยและใช้สารหล่อลื่นสูตรน้ำขณะมีเพศสัมพันธ์
- การหาสารหล่อลื่นที่เหมาะกับร่างกายของคุณและยึดใช้ไปเรื่อย ๆ
- การสวมถุงมือ เมื่อใช้นิ้วหรือกำปั้นสอดใส่
- หลีกเลี่ยงการสวนล้างช่องคลอด (การฉีดน้ำเข้าไปในช่องคลอดเพื่อทำความสะอาด) – ช่องคลอดไม่จำเป็นต้องทำความสะอาดเป็นพิเศษ
- อย่าล้างช่องคลอดและปากช่องคลอดบ่อยจนเกินไป
- หลีกเลี่ยงการผสมน้ำมันอาบน้ำ น้ำยาฆ่าเชื้อ สบู่ที่มีกลิ่นหอม สบู่ทำฟองในอ่างอาบน้ำที่มีน้ำหอม แชมพู ฯลฯ ลงในน้ำที่ใช้อาบน้ำ
- หลีกเลี่ยงการใช้ผงซักฟอกที่มีฤทธิ์แรงเพื่อซักชุดชั้นใน
- หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ ‘น้ำยาทำความสะอาดจุดซ่อนเร้น’ ที่มีน้ำหอม และผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำหอมหรือดับกลิ่น เช่น สเปรย์และทิชชู่เปียก
ฉันจะป้องกันมิให้ตนเองเป็น BV อีกได้อย่างไร
หากคุณได้รับการวินิจฉัยว่าเป็น BV แพทย์อาจจะสั่งจ่ายยาปฏิชีวนะให้คุณเพื่อรักษาอาการติดเชื้อ คุณสามารถกลับมาเป็น BV ได้อีกในเวลาเพียงไม่กี่เดือน ถึงแม้ว่าจะรักษาหายแล้วก็ตาม ซึ่งเป็นปัญหาสำหรับคนทำงานบริการหลาย ๆ คน ข้อควรระวังเพิ่มเติมมีดังต่อไปนี้ โดยใช้ร่วมกับวิธีการข้างต้นอาจจะช่วยป้องกันมิให้คุณกลับมาเป็น BV ซ้ำอีก
- หลีกเลี่ยงการใช้เซ็กส์ทอยในช่องคลอด
- ใช้แผ่นยางอนามัยขณะมีเพศสัมพันธ์ทางปาก และหลีกเลี่ยงการใช้น้ำลายเป็นสารหล่อลื่น – น้ำลายเป็นพาหะจุลินทรีย์ซึ่งอาจจะทำให้แบคทีเรียเจริญเติบโตมากจนเกินไป
- หลีกเลี่ยงการสวมกางเกงในจีสตริงและถุงน่องผ้าไนล่อนที่รัดแน่น สวมชุดชั้นในที่ระบายอากาศได้ดีและนอนโดยไม่ต้องสวมชุดชั้นใน
- เปลี่ยนแผ่นอนามัย ผ้าอนามัยหรือผ้าอนามัยแบบสอดบ่อย ๆ
- หากชุดชั้นในของคุณเริ่มชื้นหรืออับชื้นในระหว่างวัน ก็ให้เปลี่ยนหรือใช้แผ่นอนามัย
- อาบน้ำด้วยฝักบัวแทนการอาบในอ่าง
- การมีประจำเดือนน้อยเหมือนว่าจะทำให้ BV มีโอกาสกลับมาน้อยลง ดังนั้น หากประจำเดือนคุณมามากตลอดและกำลังคิดว่าจะเข้ารับการรักษา นี่อาจจะเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ควรเข้ารับการรักษาเลย
- เช็ดทำความสะอาดจากหน้าไปหลัง หลังจากปัสสาวะหรือขับถ่าย
- ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับเจลกรดแลคติก
- ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับการรับประทานแลคโตบาซิลัส Lactobacillus (โพรไบโอติกส์) หลังจากรักษา BV ด้วยยาปฏิชีวนะ
- จัดการกับความเครียด: ระดับความเครียดที่สูงอาจจะกระตุ้นเพิ่มโอกาสทำให้เป็น BV ซ้ำ
ข้อควรระวังเกี่ยวกับกรดบอริก
คนทำงานบริการบางคนใช้วิธีรักษาทางเลือกด้วยการสอดยาเหน็บกรดบอริกเข้าไปในช่องคลอด และรู้สึกว่าสามารถบรรเทาอาการ BV ได้ ข้อมูลทางคลินิกที่น่าเชื่อถือของเราไม่แนะนำให้ใช้กรดบอริก และกรดบอริกก็ก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรง หากรับประทานเข้าไปอาจเกิดเป็นพิษและแม้กระทั่งถึงแก่ชีวิตได้ หญิงตั้งครรภ์ไม่ควรใช้กรดบอริกเนื่องจากก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อพัฒนาการของทารกในครรภ์
เป็นเรื่องสำคัญที่ควรทราบและตระหนักถึงสิ่งที่ชุมชนของเราประสบพบเจอรวมถึงความรู้ที่ส่งต่อ ๆ กันระหว่างเพื่อน ๆ ถึงแม้เราไม่สามารถแนะนำได้ว่าไม่ควรใช้ยาเหน็บกรดบอริกสอดเข้าไปในช่องคลอดเพื่อรักษา BV แต่เราก็ยอมรับว่าคนทำงานบริการต่างก็ใช้และบอกต่อถึงข้อมูลวิธีนี้ ดังนั้นเราจึงให้ข้อมูลข้างต้นเพื่อให้คุณได้ตระหนักถึงความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น
การรักษาคู่นอน
- ไม่มีหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าการรักษาคู่นอนที่มีองคชาตจะช่วยป้องกันคู่นอนที่มีช่องคลอดไม่ให้เป็น BV ได้
- หากคุณและคู่นอนของคุณมีช่องคลอดทั้งคู่ ก็ดูเหมือนว่าการรักษา BV ของคู่นอนไปพร้อมๆ กันกับคุณ – ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่มีอาการก็ตาม – สามารถป้องกันมิให้กลับมาเป็น BV ซ้ำได้
การตรวจ
ข้อมูลเกี่ยวกับการตรวจหาเชื้อ BV มีดังนี้ คุณสามารถดูรายชื่อคลินิกสุขภาพทางเพศที่ยินดีให้คำปรึกษากับคนทำงานบริการได้ที่สถานที่ตรวจของเรา
วิธีตรวจ
- แพทย์หรือพยาบาลจะตรวจหาเชื้อ BV โดยการใช้ไม้ป้ายเก็บตัวอย่างตกขาว
ควรตรวจเมื่อใด
- การตรวจจะขึ้นอยู่กับอาการ หากคุณเคยมีภาวะ BV มาก่อน การแจ้งให้แพทย์หรือพยาบาลทราบก็อาจเป็นสิ่งที่มีประโยชน์
- คุณไม่จำเป็นต้องตรวจเพิ่มเพื่อรับรองว่าคุณหายจาก BV แล้ว เว้นเสียแต่ว่าคุณกำลังตั้งครรภ์ หรือว่าคุณมีอาการอย่างต่อเนื่องซึ่งทำให้คุณกังวล หากคุณกำลังตั้งครรภ์ แนะนำให้คุณเข้ารับการตรวจหนึ่งเดือนหลังการรักษาเพื่อรับรองว่ารักษาจนหายขาดแล้ว
- การตรวจหาเชื้อ BV ไม่รวมอยู่ในการตรวจคัดกรองสุขภาพทางเพศตามปกติ ดังนั้นจะมีการตรวจก็ต่อเมื่อได้มีการปรึกษาแพทย์หรือพยาบาลแล้วเท่านั้น
ข้อมูลอื่นๆ
- การตรวจทางพยาธิวิทยามักจะไม่มีค่าใช้จ่ายเนื่องจากเรียกเก็บได้จากรัฐบาล ดังนั้น ส่วนใหญ่ก็น่าจะตรวจฟรี
- คุณอาจจะต้องจ่ายค่าพบแพทย์หรือฟรีโดยแพทย์เรียกเก็บเงินจากรัฐบาลแทน
- คลินิกสุขภาพทางเพศมักจะไม่เรียกเก็บค่าใช้จ่าย ไม่ว่าคุณจะมีสิทธิ์ได้รับสวัสดิการ Medicare หรือไม่ก็ตาม
การรักษา
การตรวจพบเชื้อ BV ไม่จำเป็นต้องได้รับการรักษาเสมอไป หากผู้ป่วยที่ไม่ได้ตั้งครรภ์หรือมีอาการใด ๆ ก็จะไม่มีการรักษาให้
จุดประสงค์ของการรักษาคือการทำให้ช่องคลอดกลับมามีสภาพเป็นกรดตามธรรมชาติ การรักษาสามารถอยู่ในรูปแบบของ:
- การใช้ยาเหน็บ/ห่วงพยุงทางช่องคลอด – สามารถหาซื้อได้จากร้านขายยาหรือทางออนไลน์
- การล้างช่องคลอดด้วยน้ำเกลือ
- ยาปฏิชีวนะที่แพทย์สั่งจ่าย (คุณจะต้องรับประทานยาทั้งหมดจนครบ)
- ครีมทาช่องคลอดที่แพทย์สั่งจ่าย
- คนทำงานบริการบางรายใช้ยาเหน็บที่มีกรดบอริกสอดเข้าไปในช่องคลอด แต่มีความเสี่ยงที่ร้ายแรงอยู่ – โปรดอ่าน ‘ข้อควรระวังเกี่ยวกับกรดบอริก’ ข้างต้น
ภาวะช่องคลอดอักเสบนี้อาจจะกระทบต่องานของฉันได้อย่างไร
- การระคายเคืองอาจจะทำให้รู้สึกเจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณป่วยเป็น BV อยู่บ่อย ๆ
- คุณอาจต้องจำกัดการให้บริการเพื่อป้องกันมิให้กลับมาติดเชื้อซ้ำ
- คนทำงานบริการบางรายอาจจะระแวงกลิ่นตนเองระหว่างติดเชื้อ BV
- ยาปฏิชีวนะบางประเภทสามารถลดประสิทธิภาพของยาคุมกำเนิดชนิดรับประทาน (‘ยาคุม’) ได้
- การรักษาโดยการสอดยาเข้าไปในช่องคลอด เช่น ครีม สามารถทำให้ถุงยางเสื่อมประสิทธิภาพและเสี่ยงที่จะแตกมากขึ้น
คุณควรแจ้งเพื่อนร่วมงานที่บริการลูกค้าพร้อมกันเกี่ยวกับการติดเชื้อ BV ก่อนร่วมงานด้วยกัน