This post is also available in: English (อังกฤษ) 简体中文 (จีนประยุกต์) 한국어 (เกาหลี)
ในบางรัฐและเขตแดน กฎหมายบังคับให้ต้องใช้อุปกรณ์ป้องกันโรค (ถุงยางอนามัย แผ่นยางอนามัย และถุงมือในบางกรณี) เมื่อมีการให้บริการและทำกิจกรรม โดยใช้ปากเต็มรูปแบบและแบบอื่นๆ ดังนั้น คุณควรติดต่อ องค์กรเพื่อคนทำงานบริการในพื้นที่เพื่อทราบอย่างชัดเจนว่าคุณมีหน้าที่อะไรบ้างที่ต้องปฏิบัติตามตามกฎหมายในเขตอำนาจของคุณ
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มักจะติดต่อจากคนสู่คนในขณะที่การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน
การมีเพศสัมพันธ์ทางปากโดยไม่ป้องกัน
การมีเพศสัมพันธ์ทางปากโดยไม่ป้องกันถือเป็นกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่ำมากในการแพร่เชื้อ HIV อย่างไรก็ตาม เชื้อ HIV จะอยู่ตามน้ำหล่อลื่นและน้ำอสุจิ และเมื่อช่องปากมีแผลเปื่อย แผลขนาดเล็ก การอักเสบ หรือบาดแผลอื่นๆ ทั่วไป ความเสี่ยงที่เชื้อไวรัสดังกล่าวจะเข้าสู่กระแสเลือดก็สูงขึ้นด้วย โรคในช่องปาก เช่น โรคเหงือก โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ในลำคอ แผลเปื่อยหรือแผลพุพองในปาก ล้วนเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อ HIV ได้ทั้งนั้น เมื่อมีเพศสัมพันธ์ทางปากโดยไม่ป้องกัน นอกจากนี้ การมีเพศสัมพันธ์ทางปากโดยไม่ป้องกันยังเป็นสาเหตุของการแพร่โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ ได้อีก เช่น หนองในแท้ หนองในเทียม ซิฟิลิส และเริม
เคล็ดลับเกี่ยวกับการมีเพศสัมพันธ์ทางปากโดยไม่ป้องกันให้ปลอดภัยยิ่งขึ้น
- บ้วนปากด้วยน้ำเกลือ หากรู้สึกแสบ แสดงว่ามีแผลเล็กๆ ในช่องปาก ดังนั้น คุณจึงควรหลีกเลี่ยงการใช้ปากโดยไม่ป้องกัน
- ผลการวิจัยระบุว่าการกลืนน้ำหล่อลื่นและ/หรือน้ำอสุจิลงไปจะปลอดภัยกว่าการบ้วนทิ้ง เพราะคนเรามักจะมีแผลบริเวณเหงือก และเป็นจุดที่เชื้อ HIV จะเข้าสู่กระแสเลือดได้ง่ายกว่า เมื่อเทียบกับการปล่อยให้ไหลผ่านลำคอและหลอดอาหารเข้าสู่กระเพาะอาหาร นอกจากนี้ เชื้อก่อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STI) หรือ HIV ในน้ำหล่อลื่นและอสุจิที่กลืนลงไปมักจะถูกฆ่าตายเมื่อเจอกับกรดในกระเพาะอาหาร อย่างไรก็ตาม โอกาสในการติดโรคหนองในเทียมและหนองในแท้ที่ลำคอ มีความเสี่ยงสูงเท่ากันไม่ว่าจะบ้วนทิ้งหรือกลืน เชื้อก่อโรคซิฟิลิสสามารถติดต่อจากบริเวณใดก็ได้ในช่องปาก ดังนั้นถือว่ามีความเสี่ยงเท่ากันไม่ว่าจะบ้วนทิ้งหรือกลืน
- ในช่วง 2 ชั่วโมงก่อนหรือหลังการใช้ปากโดยไม่ป้องกัน อย่าพึ่งใช้ไหมขัดฟัน แปรงฟัน หรือใช้น้ำยาบ้วนปาก เนื่องจากกิจกรรมดังกล่าวจะทำให้เกิดความเสี่ยงที่จะเกิดการอักเสบ หรือแผลถลอกเล็กๆ ในช่องปากมากขึ้น จนกลายเป็นจุดที่เชื้อก่อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และเชื้อ HIV เข้าสู่กระแสเลือดได้
- ให้ขอตรวจสุขภาพทางเพศเป็นประจำ และขอตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ในช่องปาก
- การใช้ถุงยางอนามัยขณะมีเพศสัมพันธ์โดยใช้ปากจะช่วยขจัดความเสี่ยงในการรับเชื้อก่อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และเชื้อ HIV ที่อาจมากับสารคัดหลั่งได้
การมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนักโดยไม่ป้องกัน
การมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนักโดยไม่ป้องกันถือเป็นกิจกรรมที่มีความเสี่ยงสูงในการแพร่เชื้อก่อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และเชื้อHIV เนื่องจากเยื่อบุบริเวณทวารหนักมีความเปราะบาง ผลิตน้ำหล่อลื่นเองตามธรรมชาติได้น้อยมาก และเป็นแผลได้ง่ายระหว่างการมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก จึงกลายเป็นจุดรับเชื้อเข้าสู่ร่างกายได้
เคล็ดลับเกี่ยวกับการมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก
- ผลการวิจัยบางชิ้นชี้ให้เห็นว่าฝ่ายรุก (อยู่บน) มักจะปลอดภัยกว่าฝ่ายรับ (อยู่ล่าง) อย่างไรก็ตาม ฝ่ายรุก (อยู่บน) จะเสี่ยงติดเชื้อ HIV มากขึ้น ถ้ามีแผลพุพอง แผลเปื่อย แผลถลอกขนาดเล็ก หรือแผลฉีกขาดที่องคชาต ซึ่งจะทำให้เชื้อไวรัสสามารถเข้าสู่กระแสเลือดได้
- หากคุณมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนักเป็นประจำ แต่ไม่ได้มีการป้องกัน และมีการเปลี่ยนคู่นอนไปเรื่อยๆ แนะนำให้ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับยาต้านไวรัสสำหรับผู้ที่ยังไม่ติดเชื้อ (PrEP) PrEP จะออกฤทธิ์เฉพาะกับผู้ที่มีผลตรวจ HIV เป็นลบ และสามารถลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ HIV ลงได้อย่างมาก
- หากคุณเพิ่งมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนักกับผู้ติดเชื้อ HIV ไปโดยไม่ได้ป้องกัน คุณควรรับยาต้านไวรัสสำหรับผู้ที่เพิ่งสัมผัสเชื้อ (PEP) PEP จะออกฤทธิ์เมื่อผลตรวจ HIV ของคุณเป็นลบเท่านั้น และคุณต้องรับประทานยาภายใน 72 ชั่วโมงหลังรับสัมผัสเชื้อ ติดต่อคลินิกสุขภาพทางเพศ หรือแผนกอุบัติเหตุและฉุกเฉินของโรงพยาบาลในพื้นที่ของคุณเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
- ยา PEP และ PrEP ไม่สามารถป้องกันมิให้คุณติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ ถุงยางอนามัยเป็นวิธีป้องกันตนเองจากการติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STI) หรือโรคจากไวรัสที่ติดต่อทางเลือด (BBV) ที่ได้ผลที่สุด
- การใช้ปากกับทวารหนักถือเป็นกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่ำมากในการแพร่เชื้อ HIV อย่างไรก็ตาม เยื่อเมือกทางทวารหนักมีเชื้อ HIV อาศัยอยู่ และสามารถแพร่กระจายไปยังปากได้ในกรณีที่ปากของคุณ ‘มีช่องโหว่ให้เชื้อเข้าไปได้’ (เช่น มีแผลอักเสบ แผลฉีก แผลบาด แผลพุพอง หรือเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นอยู่แล้ว)
- ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สุขภาพของทวารหนัก