This post is also available in: English (อังกฤษ) 简体中文 (จีนประยุกต์) 한국어 (เกาหลี)
ไวรัสตับอักเสบซี (HCV หรือ Hep C) คือโรคที่รักษาให้หายได้โดยเกิดจากเชื้อไวรัสที่ติดต่อทางเลือด (BBV) ซึ่งทำให้ตับอักเสบและเกิดโรคตับ ไวรัสตับอักเสบซีติดต่อกันได้จากเลือดสู่เลือด สามารถติดต่อกันได้แม้จะมีคราบเลือดเพียงเล็กน้อยก็ตาม และเชื้อไวรัสสามารถอยู่นอกร่างกายได้นานหลายวันหรือแม้กระทั่งหลายสัปดาห์
ไวรัสตับอักเสบซีสามารถทำให้เกิดอาการติดเชื้อทั้งแบบเฉียบพลันและเรื้อรัง โดยปกติ อาการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีแบบเฉียบพลันจะไม่แสดงอาการหรือก่อให้เกิดโรคที่คุกคามถึงชีวิต ประมาณ 30% ของผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีจะหายเองภายในระยะเวลาหกเดือนโดยไม่ต้องรับการรักษาใด ๆ ส่วนผู้ติดเชื้ออีก 70% ที่เหลือจะติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีแบบเรื้อรั้งและอาจจะทำให้ตับถูกทำลาย รวมถึงอาจจะเป็นโรคมะเร็งตับได้
ความเสี่ยงในการแพร่เชื้อไวรัสตับอักเสบซีจากการมีเพศสัมพันธ์มีน้อยมาก แต่การมีเลือดออก ระหว่างมีเพศสัมพันธ์ มีแผลเปิดหรือมีโรค STI หรือ BBV ประเภทอื่นอยู่ สามารถเพิ่มโอกาสในการติดต่อกันผ่านทางเพศสัมพันธ์ได้
ลักษณะผิดสังเกตและอาการ
ผู้ป่วยประมาณ 80% จะไม่แสดงอาการของไวรัสตับอักเสบซี แต่หากมีอาการแบบเฉียบพลัน โดยปกติ ก็จะแสดงอาการ 2 สัปดาห์ – 6 เดือนตั้งแต่เริ่มติดเชื้อ
ไวรัสตับอักเสบซีชนิดเรื้อรังจะส่งผลกระทบในแต่ละคนแตกต่างกันออกไป บางคนอาจจะไม่แสดงอาการในระยะแรก และหลายคนก็อาจจะไม่สังเกตเห็นอาการเป็นเวลาถึง 10-20 ปี ไวรัสตับอักเสบซีอาจทำให้ตับถูกทำลาย (แต่ไม่เสมอไป)
อาการและผลกระทบของไวรัสตับอักเสบซีอาจรวมถึง:
- รู้สึกเหนื่อยล้าหรืออ่อนเพลีย
- แน่นท้อง
- เบื่ออาหารและคลื่นไส้
- ปวดกล้ามเนื้อและปวดข้อ
- ปวดตับ (ด้านขวาบนของช่องท้องส่วนบน)
- ภาวะดีซ่าน (ตาเหลืองและบางครั้งผิวเหลือง)
- ปัสสาวะมีสีเข้ม
การแพร่เชื้อ
ไวรัสตับอักเสบซีแพร่กระจายได้จากเลือดสู่เลือด ไวรัสตับอักเสบซีสามารถติดต่อกันได้จากการสัมผัสเลือดปริมาณเพียงเล็กน้อย ที่อาจจะมองไม่เห็น เชื้อไวรัสสามารถอยู่ในคราบเลือดนอกร่างกายได้นานหลายวันหรือแม้กระทั่งหลายสัปดาห์ โรคนี้ถึงแม้ว่าจะสามารถติดต่อกันได้ผ่านทางเพศสัมพันธ์ แต่ก็เกิดขึ้นได้น้อยมาก
คุณสามารถแพร่เชื้อไวรัสตับอักเสบซีได้ก่อนที่คุณจะมีอาการ
กิจกรรมที่มีความเสี่ยงในระดับปานกลางถึงสูง ได้แก่:
- การสัมผัสเลือดทุกประเภท
- การใช้เข็มหรืออุปกรณ์ฉีดยาร่วมกัน
- การใช้อุปกรณ์เจาะ กรีด และสักร่วมกันหรือไม่ใช้อุปกรณ์ที่ผ่านการฆ่าเชื้อ
- การบาดเจ็บจากเข็มหรือของมีคมทิ่มตำ (อาจจะเกี่ยวข้องกับคนทำงานบริการที่ให้บริการ BDSM แบบมีการเจาะ กรีด หรือเย็บ หรือผู้ที่ทำงานด้านสุขภาพด้วย)
- การใช้ผลิตภัณฑ์ส่วนตัว เช่น แปรงสีฟัน มีดโกน หรือกรรไกรตัดผมและที่ตัดเล็บร่วมกัน
- การมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนักโดยไม่สวมถุงยางอนามัย
การป้องกัน
ไวรัสตับอักเสบซีสามารถป้องกันได้! คุณสามารถปฏิบัติได้ดังต่อไปนี้
- ใช้ถุงยางอนามัย แผ่นยางอนามัย ถุงมือและอุปกรณ์ป้องกันอื่น ๆ ระหว่างมีเพศสัมพันธ์ สามารถช่วยลดความเสี่ยงในการสัมผัสเลือดของผู้อื่น (และรับเชื้อไวรัสตับอักเสบซี)
- ปิดคลุมรอยกรีด รอยถลอก และแผลด้วยผ้าปิดแผลแบบกันน้ำเพื่อลดโอกาสในการติดต่อจากการสัมผัสเลือด
- ตระหนักถึงโอกาสเลือดออกหรือเลือดที่ปนอยู่ในสภาวะนั้น ๆ และลดความเสี่ยงในการสัมผัสเลือดของผู้อื่นล้างมือให้สะอาดอยู่เสมอหากคุณสัมผัสเลือดของผู้อื่น
- ทำความสะอาดคราบเลือดด้วยกระดาษอเนกประสงค์และน้ำสบู่ ไอโซโพรพิลแอลกอฮอล์ หรือสารฟอกขาวที่ไม่เจือจางเสมอ สวมถุงมือหากทำได้
- ผลิตภัณฑ์ Viraclean ซึ่งเป็นน้ำยาทำความสะอาดที่ใช้กันในธุรกิจงานบริการนั้น ไม่มีประสิทธิภาพในการฆ่าไวรัสตับอักเสบซี
- ใช้เข็มและอุปกรณ์ฉีดยาใหม่ที่ผ่านการฆ่าเชื้อแล้วเสมอ และทิ้งอย่างถูกสุขลักษณะ คุณสามารถดูโครงการเข็มฉีดยา (NSP) ใกล้บ้านคุณได้จากเว็บไซต์นี้
- หลีกเลี่ยงการใช้มีดโกน แปรงสีฟัน อุปกรณ์เจาะผิวหนังหรือสัก หรือกรรไกรตัดผมและที่ตัดเล็บร่วมกัน
- การตรวจสุขภาพทางเพศเป็นประจำสามารถช่วยให้ตรวจพบโรค STI อื่น ๆ ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงให้คุณติดโรคไวรัสตับอักเสบซี
การตรวจ
ข้อมูลเกี่ยวกับการตรวจไวรัสตับอักเสบซีมีดังต่อไปนี้ คุณสามารถดูรายชื่อคลินิกสุขภาพทางเพศที่ยินดีให้คำปรึกษากับคนทำงานบริการได้ที่สถานที่ตรวจของเรา
วิธีตรวจ
- การตรวจไวรัสตับอักเสบซีทำได้โดยการเก็บตัวอย่างเลือด
- คุณสามารถเข้ารับการตรวจได้ที่แพทย์ GP หรือคลินิกสุขภาพทางเพศ
- บางรัฐมีบริการตรวจที่บ้านด้วยการตรวจจากตัวอย่างหยดเลือดแห้งบนกระดาษกรอง (DBS)
- ใช้หยดเลือดจากปลายนิ้วของคุณ
- ไม่ใช้เข็มหรือกระบอกฉีดยา
- สามารถดำเนินการได้ฟรีที่บ้าน
- จะมีการเก็บข้อมูลส่วนตัวและผลตรวจของคุณไว้เป็นความลับ
- หากผลตรวจของคุณแสดงว่าคุณมีไวรัสตับอักเสบซี ผู้ที่แจ้งผลตรวจสามารถช่วยคุณในการเข้ารับการรักษาโรคได้
ควรตรวจเมื่อใด
- คุณสามารถตรวจหาไวรัสตับอักเสบซีได้ทันทีหลังจากสงสัยว่าอาจจะรับเชื้อ
- คุณจะต้องตรวจอีกครั้งหลังจาก 12 สัปดาห์ และอาจจะต้องตรวจอีกครั้งอีกหกเดือนถัดมา
- การตรวจไวรัสตับอักเสบซีไม่ได้รวมอยู่ในการตรวจสุขภาพทางเพศตามปกติ ดังนั้น คุณอาจจะต้องขอให้มีการตรวจเพิ่มเติม
มีการแนะนำให้ ‘กลุ่มประชากรสำคัญอันดับต้น’ ผู้ซึ่งอาจเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มคนทำงานบริการ เข้ารับการตรวจโรคไวรัสตับอักเสบซี ซึ่งประกอบด้วย:
- ผู้ที่มีการฉีดสารเสพติด
- ผู้ที่อยู่ในคุกหรือเคยอยู่ในคุก
- ผู้ที่สักหรือเจาะร่างกาย
- ผู้ที่ได้รับการถ่ายเลือด ปลูกถ่ายอวัยวะ หรือสารเลือดก่อนเดือนกุมภาพันธ์ 1990
- คู่นอนของผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบซี ถึงแม้ว่าความเสี่ยงในการแพร่เชื้อไวรัสตับอักเสบซีระหว่างมีเพศสัมพันธ์จะต่ำ แต่ความเสี่ยงก็จะเพิ่มสูงขึ้นในกลุ่มชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชายที่มีผลตรวจ HIV เป็นบวก
- ผู้ที่เกิดในกลุ่มประเทศที่มีความชุกของไวรัสตับอักเสบซีสูง
- ชนพื้นเมืองอะบอริจินและชนพื้นเมืองที่อาศัยอยู่ตามหมู่เกาะบริเวณช่องแคบทอเรส
- เด็กที่เกิดจากมารดาที่เป็นไวรัสตับอักเสบซี
ข้อมูลอื่น ๆ
- คลินิกสุขภาพทางเพศมักจะไม่เรียกเก็บค่าตรวจโดยเรียกเก็บจากรัฐบาลแทน แม้คุณจะไม่มีสวัสดิการ Medicare การตรวจก็น่าฟรี
- หากคุณพบแพทย์ GP เพื่อเข้ารับการตรวจ คุณอาจต้องชำระค่าธรรมเนียมหรือฟรีโดยแพทย์เรียกเก็บเงินจากรัฐบาลแทน และคุณอาจต้องไปที่ศูนย์พยาธิวิทยาเพื่อเข้ารับการตรวจตามจริง
การรักษา
ผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบซีเรื้อรังส่วนใหญ่สามารถรักษาให้หายได้ แพทย์ของคุณสามารถช่วยคุณเลือกวิธีรักษาที่่ดีที่สุดได้ ข้อมูลที่คุณต้องทราบเกี่ยวกับการรักษาโรคนี้มีดังนี้
วิธีรักษา
- มีการรักษาไวรัสตับอักเสบซีด้วยยาที่เรียกว่า direct-acting antiviral agents (หรือ DAAs) ที่ออกฤทธิ์โดยตรงในการยับยั้งการเพิ่มจำนวนไวรัส ซึ่งได้ผลดีมากสำหรับคนส่วนใหญ่รับประทานยา
- คุณจะต้องรับประทานยา 1-3 เม็ดต่อวัน เป็นเวลา 8-12 สัปดาห์ ทั้งนึ้ขึ้นอยู่กับชนิดของยาที่คุณรับประทาน
- ยาเหล่านี้มีประสิทธิภาพในการรักษาไวรัสตับอักเสบซีให้หายได้มากกว่า 95%
- คนส่วนใหญ่สามารถขอใบสั่งยาได้จากแพทย์ GP
- แพทย์ GP อาจจะส่งคุณต่อให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ หาก:
- คุณมีไวรัสที่ติดต่อทางเลือดชนิดอื่นด้วย เช่น ไวรัสตับอักเสบบีหรือ HIV
- เคยเข้ารับการรักษาไวรัสตับอักเสบซีด้วยยากลุ่ม DAAs มาแล้ว
- เป็นโรคไตหรือตับแข็ง
- หากคุณยังไม่หายจากไวรัสตับอักเสบซีหลังจากรับประทานยาชุดแรกแล้ว แพทย์ก็อาจจะแนะนำยาชุดที่สอง
- หากคุณติดไวรัสตับอักเสบซีซ้ำ คุณก็สามารถรักษาให้หายขาดได้อีกครั้ง
ค่าใช้จ่ายและข้อมูลอื่น ๆ
- มียารักษาไวรัสตับอักเสบซีรวมอยู่ในโครงการช่วยเหลือค่ายาและเวชภัณฑ์ที่แพทย์สั่งจ่าย Pharmaceutical Benefits Scheme (PBS) สำหรับบุคคลที่มีอายุเกิน 18 ปีและมีบัตร Medicare
- คุณจะเสียค่าใช้จ่ายไม่เกิน 41 ดอลลาร์ออสเตรเลียสำหรับยาที่สั่งจ่ายในแต่ละครั้งหรือต่ำกว่า 7 ดอลลาร์ออสเตรเลีย หากคุณมีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (จะมีการปรับราคาทุกปีในวันที่ 1 มกราคม ดังนั้น ราคาเหล่านี้เป็นราคาที่ถูกต้องในปี 2020)
- ในปัจจุบัน ผู้ที่ไม่มีสวัสดิการ Medicare จะไม่ได้รับส่วนลดค่ายารักษาไวรัสตับอักเสบซี
- ยารักษาไวรัสตับอักเสบซีในปัจจุบันมีผลข้างเคียงน้อยกว่ายารุ่นเก่ามาก
ดูข้อมูลและบริการต่าง ๆ สำหรับผู้ที่มีเชื้อไวรัสตับอักเสบซีได้ที่ Hepatitis Australia
ไวรัสตับอักเสบซีอาจกระทบต่องานของฉันอย่างไร
ข้อควรพิจารณาในทางปฏิบัติ
- ยาต้านไวรัสบางประเภทสามารถลดประสิทธิภาพของยาคุมกำเนิดชนิดรับประทาน (‘ยาคุม’) ได้ ปรึกษาแพทย์ของคุณเมื่อวางแผนการรักษา
- ไวรัสตับอักเสบซีไม่ถือเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STI) ดังนั้น คนทำงานบริการที่ได้รับการวินิจฉัยว่าป่วยเป็นโรคนี้ไม่น่าจะถูกห้ามให้มาปฏิบัติงาน
- เจ้าของสถานประกอบการในอุตสาหกรรมทางเพศไม่น่าจะขอข้อมูลเกี่ยวกับสถานะโรคไวรัสตับอักเสบซีของคุณ
- ผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบซีเรื้อรังสามารถใช้วิธีคุมกำเนิดทุกประเภท รวมถึงการรับประทานยาคุม โดยไม่ต้องกังวลถึงผลกระทบต่อสุขภาพตับ
ข้อควรพิจารณาด้านกฎหมายและการแจ้งผลตรวจ
- บางรัฐและดินแดนอาจจะมีกฎหมายที่ถือว่าการทำงานบริการในขณะที่ป่วยเป็นโรค STI และ/หรือ BBV เป็นความผิด นอกจากนี้ อาจจะมีกฎหมายเกี่ยวกับการป้องกันโรค BBV และ STI ที่ใช้บังคับกับทุก ๆ คนด้วย อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Error! Hyperlink reference not valid.กฎหมายและ BBV, STI ในเขตที่อยู่ของคุณหรือ ติดต่อองค์กรเพื่อคนทำงานบริการในพื้นที่เพื่อศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม
- ไวรัสตับอักเสบซีเป็นโรคที่จำเป็นต้องมีการแจ้งผลในประเทศ ซึ่งหมายความว่าผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบซีจะได้รับการรายงานผลไปยังกรมสาธารณสุขระดับประเทศโดยไม่มีการระบุชื่อของผู้ป่วย คุณสามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อกำหนดในเขตที่อยู่อาศัยของคุณได้ที่กฎหมายและ BBV, STI ติดต่อองค์กรเพื่อคนทำงานบริการในพื้นที่หากคุณต้องการความช่วยเหลือเกี่ยวกับปัญหาในสถานที่ทำงานอันเนื่องจากไวรัสตับอักเสบซีหรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกฎหมายในด้านสุขภาพทางเพศและโรคที่จำเป็นต้องแจ้งต่อทางการในรัฐหรือดินแดนของคุณ
- การติดตามผู้สัมผัสโรคที่เป็นอดีตคู่นอน (หรือที่เรียกว่าการแจ้งผลแก่ผู้สัมผัสโรค partner notification) เป็นการแจ้งผลแก่ผู้สัมผัสโรค BBV และ STI บางชนิด ควรกระทำโดยคำนึงถึงความเสี่ยงในการแพร่เชื้อและเคารพต่อสิทธิส่วนบุคคลของคนทำงานบริการ องค์กรเพื่อคนทำงานบริการในพื้นที่ ของคุณสามารถให้คำแนะนำเกี่ยวกับช่องทางการแจ้งผลแก่ผู้สัมผัสโรคเพื่อรับรองว่าเหมาะสมกับสถานการณ์ของคุณได้